บ้านสไตล์บาหลี
บ้าน

บ้านสไตล์บาหลี

บ้านสไตล์บาหลี ที่มีความร่วมสมัยให้ความสวยงามเงียบสงบ

บ้านสไตล์บาหลี การสร้างที่อยู่อาศัยของมนุษย์ ตั้งแต่ดั้งเดิมมามีวัตถุประสงค์หลัก เพื่อป้องกันความร้อน หนาว แดด และฝน การสร้างบ้านจึงคำนึงถึงเรื่องของสภาพดินฟ้าอากาศ ของแต่ละท้องถิ่นเป็นเรื่องสำคัญ ดังจะเห็นได้ว่าบ้านในเขตหนาวจะมีลักษณะที่แตกต่าง จากบ้านในเขตร้อน บ้านในแต่ละท้องถิ่นจึงมีเอกลักษณ์เฉพาะของตน เช่น บ้านแบบบาหลี บ้านทรงสเปน บ้านสไตล์ยุโรป เป็นต้น

บ้านสไตล์บาหลี เป็นบ้านแบบหนึ่งที่ยังเป็นที่นิยมอยู่เสมอ ไม่ว่าแนวโน้มของการสร้างบ้านจะเปลี่ยนไปอย่างไร ทั้งนี้อาจจะ เป็นเพราะว่าบ้านสไตล์ บาหลี เป็นบ้านที่มีลักษณะหวนคืนสู่ธรรมชาติ ซึ่งอาจจะช่วยชดเชยบรรยากาศแบบเมืองที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในเมือง ที่ต้องการสร้างบ้านหลังที่สอง จะให้ความสนใจกับบ้านสไตล์บาหลีมาก

บ้านสไตล์บาหลี เป็นลักษณะของบ้านในเขตร้อนชื้น จึงเหมาะกับสภาพอากาศของบ้านเรา ซึ่งอยู่ในเขตร้อนชื้นเช่นกัน บ้านสไตล์บาหลีแบบดั้งเดิม จะใช้ไม้เป็นวัสดุหลักทั้งเสา พื้น ผนัง ลักษณะของพื้นผิวไม้มีทั้งส่วนที่เรียบง่ายและงานไม้แกะสลักสวยงาม ซึ่งเป็นงานฝีมือของช่างบาหลีที่สืบทอดกันมาช้านาน ช่างชาวบาหลีดั้งเดิมคือชาวบ้านทั่วๆไปที่ได้รับการถ่ายทอดความรู้ ทางช่างมาจากบรรพบุรุษหรือเป็นผู้ที่สนใจในงานช่าง การออกแบบบ้านนอกจากจะให้กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมแล้ว ยังคำนึงถึงการวางตำแหน่งของห้องต่างๆ เช่น ห้องนอน ห้องครัว คล้ายๆกับหลักฮวงจุ้ยของจีน

ลักษณะเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมของบ้านแบบบาหลี คือการสร้างบ้านให้กลมกลืน กับสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติในเขตร้อน ตัวบ้านจะมีส่วนที่เป็นลานเปิดโล่ง และหลังคาทรงสูงโดยไม่มีฝ้าเพดาน เชื่อกันว่าบ้านแบบบาหลีได้รับอิทธิพลบางส่วนมา จากสถาปัตยกรรมแบบฮินดูที่แพร่เข้ามาในชวา โดยในระยะแรกๆ จะเป็นลักษณะของอาคารสำหรับทำพิธีกรรมทางศาสนา และค่อยๆ พัฒนามาเป็นอาคารสำหรับพักอาศัย

บ้านสวนสวยๆสไตล์บาหลี

ลักษณะของสถาปัตยกรรมแบบนี้ เป็นที่นิยมของชาวเกาะทั้งหลายในมหาสมุทรแปซิฟิก บ้านแบบบาหลีดั้งเดิมจะใช้วัสดุธรรมชาติที่หาได้ในท้องถิ่น เช่น ไม้ ไม้ไผ่ ดิน ใบจาก เป็นต้น ซึ่งเป็นลักษณะของการสร้างบ้านในเขตร้อนทั่วไป ความสามารถในการสร้างบ้าน ให้สอดคล้องกลมกลืนกับธรรมชาติ จึงเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ถ่ายทอดต่อๆ กันมา

เมื่อได้มีการนำรูปแบบ บ้านบาหลี มาประยุกต์ใช้ในงานสถาปัตยกรรมในปัจจุบัน ได้มีการเปลี่ยนแปลงทั้งในเรื่องวัสดุและรูปแบบของอาคาร ในส่วนที่เกี่ยวกับวัสดุนั้นได้มีการนำคอนกรีตมาใช้แทนไม้ จากธรรมชาติมากขึ้นทั้งนี้อาจเป็นเพราะไม้หายากและมีราคาแพง ในเรื่องของรูปทรงของอาคารก็มีการพัฒนาให้เหมาะสม กับสภาพแวดล้อมในปัจจุบันที่มีการใช้เครื่องปรับอากาศกันมากขึ้น

รูปแบบของสถาปัตยกรรมจึงเป็นแบบสมัยใหม่ สิ่งที่ยังคงแสดงถึงเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ของบ้านบาหลีในปัจจุบันคือรูปทรงของหลังคาที่มีลักษณะเฉพาะ รวมถึงการจัดสัดส่วนภายในบ้านที่เน้นความโปร่งโล่ง ของตัวอาคารโดยการจัดวางเครื่องใช้ และเฟอร์นิเจอร์เพื่อแบ่งสัดส่วนภายในบ้าน แทนการกั้นเป็นห้องๆ สีที่นิยมใช้ในการตกแต่งบ้านแบบบาหลีมักจะเป็นสีที่มีความกลมกลืนกับสีของไม้ และสีขาวเป็นส่วนใหญ่

บ้านแบบบาหลีดั้งเดิมนั้นจะสร้างเป็นหลังเล็กๆ รวมกันเป็นกลุ่ม และจะมีลานโล่งกลางบ้าน ที่สมาชิกในครอบครัวใช้ทำกิจกรรมร่วมกัน และเมื่อนำมาประยุกต์สร้างในปัจจุบัน ก็ยังคงพยายามที่จะคงลักษณะนี้ไว้หากเนื้อที่ของบ้านอำนวย กฎข้อห้ามที่สำคัญอย่างหนึ่ง ในการสร้างบ้านของชาวบาหลีก็คือ ห้ามสร้างบ้านให้มีความสูงมากกว่าต้นมะพร้าว จึงทำให้บ้านเรือนบนเกาะบาหลี ไม่บดบังความสวยงามของธรรมชาติ ซึ่งยังคงมีให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน

สำหรับคนอยากมีบ้านต้องเตรียมพร้อม ก่อนจะสร้างบ้านใหม่ ต้องรู้อะไรบ้าง

บ้านบาหลีเหมาะกับการพักผ่อนสุดๆ

1. ความต้องการในด้านต่าง ๆ

ก่อนที่จะใช้บริการรับสร้าง บ้าน สักหลัง หรือจะเป็นการเลือกซื้อบ้านในโครงการขายบ้านพร้อมที่ดินก็ตาม สิ่งแรกที่ต้องรู้ คือ ความต้องการของตัวเอง ว่าต้องการอะไรบ้าง อยากสร้างบ้านหลังใหญ่แค่ไหน จำนวนสมาชิกในครอบครัวมีกี่คน ห้องนอนกี่ห้อง ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขกใหญ่แค่ใหน ห้องน้ำจำนวนเท่าใหร่ ฯลฯ มีความต้องการบ้านสไตล์ใหน ปัจจุบันมีให้เลือกหลากหายหลายสไตล์ เช่น สไตล์ Modern Style ซึ่งเป็นแบบบ้านที่นิยมสร้างกัน Loft Style Contemporary Style หรือ Vintage เป็นต้น บ้านจัดสรร

เมื่อรู้ความต้องการของตัวเองแล้ว ก็ค่อย ๆ เก็บรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ และสิ่งที่จำเป็นต่าง ๆ ที่ต้องการ อาจรวบรวมเก็บข้อมูลได้จากโครงการบ้านตัวอย่าง นิตยสารบ้านศึกษาจากอินเตอร์เน็ต หรือออกไปดูตามสถานที่ชอบแล้วค่อย ๆ เก็บเป็นข้อมูลนำมาสรุป เพื่อให้ผู้ออกแบบสามารถออกแบบบ้านในฝันออกมาให้ตรงตามความต้องการของเรามากที่สุด

2. วางแผนงบประมาณ
สิ่งแรกที่ทุกคนจะต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก ๆ หากคิดจะสร้างบ้านใหม่สักหลัง ก็คือ เรื่องของงบประมาณ ว่าจะต้องเตรียมงบประมาณไว้เท่าไหร่ ถึงจะพอกับบ้านที่ต้องการ ซึ่งงบประมาณที่ต้องเตรียมควรจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ

  • 2.1 งบประมาณถมดิน : ก่อนที่จะสร้างบ้านใหม่ สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงก่อน ก็คือที่ดินของเรา อันดับแรกต้องดูก่อนว่าที่ดินที่เรามีอยู่นั้น จำเป็นต้องถมดินเพื่อปรับระดับพื้นหรือไม่ เพราะการถมดินถือเป็นรากฐานที่สร้างความมั่นคงให้กับบ้าน หากดูแล้วไม่จำเป็นต้องปรับต้องถมก็เริ่มจัดการขั้นตอนต่อไปได้ แต่หากประเมินดูแล้วว่า ที่ดินของเรานั้นระดับพื้นดินไม่สม่ำเสมอ หรือที่ดินค่อนข้างต่ำ อาจเสี่ยงต่อภาวะน้ำท่วมได้ ก็ควรต้องถมดิน
  • ซึ่งการถมดินนั้น อาจจะถมสูงกว่าถนนคอนกรีต หรือถนนลาดยางหน้าบ้านเราประมาณ 50 ซม. แต่ถ้าหากถนนหน้าบ้านเรานั้นเป็นถนนดินแดงไม่มีถนนคอนกรีต หรือถนนลาดยางตัดผ่าน ก็อาจเพิ่มความสูงของระดับดินที่ถมเป็น 1 เมตร เพื่อเป็นการรองรับความสูงของถนนที่จะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ซึ่งการถมแนะนำควรถมในหน้าแล้ง ไม่ควรถมดินหน้าฝน เพราะช่วงหน้าฝนจะทำให้การทำงานลำบาก และหาดินที่มาถมยาก ที่สำคัญคือยากต่อการบดอัดดินให้แน่นได้
  • 2.2 งบประมาณสร้างบ้าน : การตั้งงบประมาณไว้สำหรับการสร้างบ้านนั้น ซึ่งจะช่วยให้ง่ายต่อการวางแผน ว่าเราจะสร้างบ้านแบบใหน ต้องการเนื้อที่บ้านขนาดเท่าไร สร้างกี่ชั้น ระบบภายในบ้านต้องการแบบใหน รวมถึงค่าใช้จ่ายสำหรับผู้รับเหมาสร้างบ้าน เกรดวัสดุที่เราต้องการใช้ในการก่อสร้าง ทั้งนี้ก็เพื่อให้ค่าใช้จ่ายสอดคล้องต่อความต้องการของเรา สำหรับใครที่มีความชอบเฉพาะตัว มีความต้องการบ้านที่ไม่ซ้ำใคร มักจะใช้บริการของสถาปนิกออกแบบ ก็อาจจะต้องเตรียมงบประมาณเพิ่มขึ้นอีกในการออกแบบ
  • 2.3 งบตกแต่งภายใน : นอกจากจะค่าก่อสร้างบ้านแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องเตรียมคือ ค่าตกแต่งภายใน อาทิ เฟอร์นิเจอร์ทั้งแบบลอยตัวและบิวท์อิน โคมไฟตกแต่ง ฯลฯ รวมไปถึงค่าออกแบบภายใน และค่าช่างผู้รับเหมา งบประมาณในส่วนนี้จะมากน้อยแค่ไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ความชอบของแต่ละคนว่าต้องการเลือกใช้วัสดุสำหรับตกแต่งแบบใหน การสร้างบ้านหนึ่งหลังนั้น หากมีการวางแผน และคำนวนงบประมาณในการปลูกสร้างได้ดี นอกจากจะได้บ้านที่ตรงต่อความต้องการแล้ว ปัญหาเรื่องงบประมาณบานปลายที่จะเกิดขึ้นในภายหลังย่อมไม่เกิดขึ้น บ้าน 
สไตล์บาหลีที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติที่แสนน่าอยู่

3.เลือกแบบบ้านที่ต้องการ

สิ่งสำคัญที่จะทำให้บ้านตรงกับความต้องการ คือจะต้องมีแบบบ้านหรือแบบก่อสร้าง แต่ละแบบก็จะมีรายละเอียดมากน้อยแตกต่างกัน ปัจจุบันมีแบบบ้านมากมายให้เลือก ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท

  • 3.1 แบบบ้านฟรี : การเลือกแบบบ้านฟรีก็จะช่วยลดงบประมาณในการก่อสร้างได้ เพราะไม่ต้องเสียค่าออกแบบบ้านให้กับนักออกแบบ ซึ่งสามารถหาได้จากสำนักงานเขตจะมีแบบบ้านของหน่วยงานโยธาไว้บริการฟรี หรือหรือจากเว็บไซต์อินเตอร์เน็ต แล้วค่อยหาผู้รับเหมาให้มาก่อสร้างให้ แต่ก็อย่าลืม ต้องมีวิศวกรออกแบบ และควบคุมงานลงชื่อในการยื่นขออนุญาตด้วย
  • 3.2 แบบบ้านสำเร็จรูป : เป็นแบบบ้านที่ถูกออกแบบไว้แล้ว ทั้งแบบแปลนบ้านและสไตล์หน้าตาบ้าน ซึ่งแบบบ้านสำเร็จรูปจะประกอบไปด้วย แบบสถาปัตยกรรม ฟังก์ชั่นของอาคาร และรูปด้านแต่อย่าลืมให้วิศวกร ออกแบบโครงสร้าง และลงชื่อในเอกสาร จึงจะสามารถนำไปยื่นขออนุญาตก่อสร้างได้ ปัจจุบันก็มีให้เลือกมากมาย หลายขนาด หลายสไตล์ แต่อาจจะไม่ตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของบ้าน 100% เนื่องจากมีข้อจำกัดที่ถูกออกแบบไว้แล้ว แต่สำหรับผู้ให้บริการบางบริษัทก็มีบริการปรับแบบบ้านให้ ทั้งนี้ก็เพื่อจะช่วยให้ได้แบบบ้านที่ตรงตามความต้องการของเจ้าของบ้านนั่นเอง
  • 3.3 การออกแบบโดยสถาปนิก : คือจะเป็นการออกแบบใหม่ทั้งหมดตามความต้องการของเจ้าของบ้านเป็นพิเศษ สามารถตอบโจทย์ และตรงใจเจ้าของบ้านได้ในทุกมิติ บ้านที่ออกแบบโดยสถาปนิกจะเหมาะกับคนที่มีความต้องการบ้านที่ไม่ซ้ำใคร ทั้งในเรื่องรสนิยมความชอบ การดีไซน์ อยากได้ส่วนที่เฉพาะเจาะจง หรือมีข้อจำกัดเรื่องที่ดินในการปลูกสร้างที่ไม่สามารถรองรังแบบบ้านสำเร็จรูปได้

4.หาผู้รับเหมาก่อสร้าง

หลังจากได้แบบแปลนบ้านและสไตล์บ้านแล้ว ขั้นตอนต่อมาคือ คือการหาผู้ที่จะมาสร้างบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ ว่าเราจะเลือกผู้รับเหมาหรือบริษัทรับสร้างบ้านที่ไหนดีซึ่งจะเป็นตัวชี้ว่าท่านจะได้บ้านตรงตามความต้องการหรือไม่ ดังนั้นต้องคิดและพิจารณาให้เป็นอย่างดี

การเลือกผู้รับเหมารายย่อย อาจจะสะดวกและประหยัดงบประมาณลงได้ แต่ควรที่จะพิจารณาหลายด้าน ไม่ใช่เพียงได้รับเสนอราคาต่ำสุดเท่านั้น การเลือกผู้รับเหมารายย่อย ก็ต้องน่าเชื่อถือเป็นที่ไว้ใจได้ มีประสบการณ์ ฝีมือดี ที่สำคัญต้องมีความรับผิดชอบ และไม่ทิ้งงาน การเลือกผู้รับเหมาสร้างบ้าน เจ้าของบ้านจะต้องเป็นผู้ติดต่อดำเนินการประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง หรือการขออณุญาติก่อสร้างนั่นเอง และที่สำคัญเจ้าของบ้านต้องมีความรู้เรื่องขั้นตอนการสร้างบ้านพอสมควร เพื่อช่วยให้เจ้าของบ้านสามารถแก้ไขปัญหา ที่อาจเกิดกับตัวบ้านได้ในอนาคต และไม่ปัญหาเรื่องงบประมาณบานปลายในภายหลัง

จ้างบริษัทมืออาชีพ เป็นตัวเลือกที่มักนิยมกัน เพราะจะเข้ามาดูแล และดำเนินการทุกขั้นตอนจนบ้านสร้างเสร็จ จะมีมาตรฐานการทำงานที่เป็บระบบ มีบุคลากรที่ชำนาญฝ่ายต่าง ๆ อาทิ ช่าง วิศวกร สถาปนิก ทีมช่างที่ชำนาญมีประสบการณ์ และทีมงานด้านอื่น ๆ ไว้ค่อยให้บริการ นับว่าเป็นการบริการที่ครบวงจรจบทุกขั้นตอนในที่เดียว ตั้งแต่การให้คำแนะนำเรื่องแบบบ้าน การตรวจเช็กสภาพรอบๆ ของพื้นที่จากวิศวกร การขออนุญาติก่อสร้างกับภาครัฐ ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสร้างบ้านตลอดจนถึงบ้านสร้างเสร็จ

ข้อดีของบ้านสไตล์บาหลี

  • บ้านแบบบาหลีก็คือ การล้อเลียนหรือจำลองธรรมชาติรอบๆตัวมาใช้ ทำให้บ้านกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมได้ง่าย มักนิยมทำอาคารโล่ง การใช้วัสดุธรรมชาติที่เป็นสีเอิร์ทโทน การทำหลังคาจากแบบหนา และหลังคากระเบื้องดินเผาธรรมชาติ โดยไม่มีฝ้าเพดาน การเน้นประตูทางเข้าที่วิจิตรพิสดาร และที่คนไทยชมชอบหรือปลื้มกันมาก ก็คือการเปิดลานโล่งกลางบ้าน ที่มีบ่อน้ำเล็กๆ เป็นจุดสนใจ
  • มีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ที่เด่นชัด

อ่านบทความเพิ่มเติ่ม : ขายวิลล่าภูเก็ต ขายบ้านภูเก็ต ขายวิลล่าภูเก็ต