คาเฟ่สไตล์นอร์ดิก
บ้าน

คาเฟ่สไตล์นอร์ดิก

คาเฟ่สไตล์นอร์ดิก กลิ่นหอมรสชาติที่เข้มขมของกาแฟที่ลงตัว

คาเฟ่สไตล์นอร์ดิก Cafe Hopping เป็นการผสมผสานระหว่างของคำว่า Cafe หรือร้านกาแฟ (บางร้านมีการขายอาหารร่วมด้วย) กับ Hopping หรือการกระโดด เมื่อรวมกันแล้วจึงหมายถึง นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แล้วมักจะเลือกร้านกาแฟ สำหรับทานอาหาร และถ่ายรูปมาเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผน การท่องเที่ยวในครั้งนั้นๆ

ความเป็นมาของ Cafe Hopping แรกเริ่มก่อนที่จะ มีการท่องเที่ยวลักษณะ Cafe Hopping นั้น ประเทศไทยมีร้าน Cafe เกิดขึ้นมานานมากแล้ว โดยในอดีตมักจะนิยม เรียกกันติดปากว่า “สภากาแฟ” ซึ่งเป็นร้านกาแฟเล็กๆ ร้านหนึ่งที่ตั้งอยู่ในชุมชน มักจะเชื่อมโยงกับ ผู้คนในชุมชน ผู้คนเหล่านั้นจะเข้ามานั่งดื่มกาแฟแล้วพูดคุยกัน ในตอนเช้าก่อนจะแยกย้ายกัน ไปทำการเกษตรหรือค้าขาย

นับเป็นสถานที่รวมตัวกัน ของเหล่ากูรูในชุมชน โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เมื่อนักท่องเที่ยวต่าง ถิ่นเดินทางผ่านไปมาจึงมักจะแวะ สถานที่แห่งนี้ เพื่อทานอาหารหรือดื่มกาแฟ และพูดคุยสอบถาม กับคนในชุมชน เมื่อเวลาผ่านไปจวบจนปัจจุบัน สภากาแฟได้แปรเปลี่ยน จากเดิมที่เป็นสถานที่ สาธารณะของชุมชน กลายเป็นสถานที่ที่มีความ เป็นส่วนตัวมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการเข้ามามีบทบาท ให้การทำธุจโดยเฉพาะ ในพื้นที่ที่มีแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งได้รับความนิยม ก็มักจะมี Cafe เปิดตามไปด้วย

คาเฟ่สไตล์นอร์ดิก

ไอเดียคาเฟ่สไตล์นอร์ดิกในเกาหลี

กลิ่นหอมและรสชาติ ที่เข้มขมของกาแฟ ยังคงเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ เครื่องดื่มชนิดนี้กลาย เป็นหนึ่งธุรกิจยอดฮิตของยุค เราจะเห็นคาเฟ่ ผุดขึ้นมาพรึ่บเหมือนดอกเห็ด อย่างในเชียงใหม่ที่ได้ ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของกาแฟ ก็มีตัวเลขคาเฟ่อยู่ที่ถึง 2,700 ร้าน ร้านกาแฟแต่ละร้าน จึงพยายามหาจุดขาย มาแข่งขันไม่ว่าจะเป็นรสชาติหรือการตกแต่ง ที่มักจะมีสไตล์แปลกตา เพื่อสร้างความประทับใจ แรกให้กับผู้คนให้เข้ามาลองลิ้มชิมรสชาติกาแฟข้างใน สำหรับใครที่ยังมีความ ชอบในกาแฟ และอยากเปิดร้านที่ เป็นบ้านอยู่อาศัยไปพร้อมกัน อาจกำลังมองหา แรงบันดาลใจ

เจ้าของบ้านนี้เป็น คอรบครัวเล็ก ๆ ที่มีที่ดินเดิมเป็นโรงงานชั้นเดียว เนื่องจากขาดเงินทุน ลูกค้าจึงตัดสินใจปรับปรุงอาคารที่มีอยู่ เป็นร้านกาแฟ และสร้างบ้านในอาคารเดียว สถาปนิกจึงกำหนดให้ส่วนของ “บ้าน” อยู่เหนือ ร้านกาแฟ บนชั้นสอง เพื่อความเป็นส่วนตัว และจุดที่สะดุดตา ที่สุดคงเป็นต่อเติมรูปทรง อาคารเหมือนกระท่อมไม้ลอยตัวยื่นออกมา

มาจากความต้องการใช้ชื่อร้านว่า ‘VILLA VILLEKULLA’ ซึ่งเป็นกระท่อมในรายการ ทีวีของสวีเดน ‘Pippi Longstocking’ ทีมงานเชื่อว่าความรู้สึก ของรูปแบบอาคารหรือพื้นที่ ควรเชื่อมโยงกับการสร้างแบรนด์ จึงเพิ่มกระท่อมไม้ หน้าจั่วให้เป็นแบรนด์ร้านกาแฟ และออกแบบภายใน ให้มีบรรยากาศที่ คล้ายคลึงกัน

ชั้นล่างเป็นห้องกระจกลาย ตารางตามแบบที่กำลังนิยม เพื่อให้คนด้านนอกมอง เห็นด้านในได้ชัดเจน ภายในตกแต่งโซนคาเฟ่ ด้วยเคาน์เตอร์ยาวทำจากไม้ ย้อมสีน้ำตาลเข้ม ท็อปเป็นวัสดุสังเคราะห์สีขาวดูสะอาดและตัดกัน มุมนั่งสำหรับลูกค้าวาง ชุดโต๊ะเก้าอี้น่ารัก ๆ ให้นั่งรอกาแฟถ้วยโปรดชิล ๆ เหมือนอยู่บ้าน พร้อมเปิดมุมมองไปที่ คอร์ยาร์ดตรงกลางที่ใช้งาน ได้ร่วมกันระหว่างบ้านกับร้านกาแฟ

คาเฟ่สไตล์นอร์ดิก

พื้นที่อยู่อาศัย (รวมถึงระเบียง)

ใหญ่เป็นสองเท่าของ ร้านกาแฟ อยู่บนชั้นสอง จำนวนเสาจึงต้องเพิ่มขึ้น ตามพื้นที่ไปด้วย ดังนั้นสถาปนิกจึงแก้ปัญหาด้วยการใช้ โครงสร้างเหล็กเพื่อลด เสาให้เล็กที่สุด ทำให้ใช้เวลามาก ในการออกแบบโครงสร้างเพราะต้อง เสริมโครงสร้างของอาคารที่มีอยู่เดิม

‘วิลลาวิลล์คูลา’ หมายถึงบ้านต้นไม้ของปิ๊บปี้ ให้ความรู้สึกเหมือน กระท่อมไม้ ภายนอกจึงติดไม้ในส่วนที่รูปทรงกระท่อมให้เด่นออกมา จากผนังส่วนอื่นที่เป็นปูนเปลือย และในโซนบ้านไม่ว่า จะเป็นห้องนั่งเล่น ครัว ห้องนอน จะตกแต่ง ด้วยไม้จริงและไม้อัด หลังคาทรงจั่วแหลม กรุฝ้าเพดานตามแนวหลังคาแบบ lean to เหมือนกันหมด บางส่วนของผนังเป็น ประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ ที่รับแสงได้ดี ได้อารมณ์ของแบบบ้านในเขตหนาว บ้านสไตล์นอร์ดิก

เป็นที่คาดว่าถ้ามี ร้านคาเฟ่ อยู่ที่ชั้นหนึ่ง ก็จะมีลูกค้ารวมถึงเพื่อน บ้านแวะมาโดยธรรมชาติ จึงต้องแยกแต่ละห้องซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัว ภายในบ้านออกจากห้อง นั่งเล่นที่แขกเข้ามาใช้บริการ โดยมีบันไดขึ้นสู่ตัวบ้านชั้นสองอยู่ด้านข้าง และถ้าแขกออกมาเยอะ ห้องชั้น 2 ตรงฝั่งที่หันหน้าออกถนน อาจจะมีปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัวได้ ปัญหานี้แก้ไข ได้ด้วยการติดตั้งบานเกล็ดโลหะ ที่ด้านหน้าหน้าต่างเพื่อกั้น ด้านในบางส่วน

ห้องกว้างขวาง

ห้องนอนใหญ่ตกแต่งโทนสีกาแฟ

เจ้าของชอบห้องนั่งเล่นตรง ปลายสุดของบ้านมากที่สุด เพราะเป็นพื้นที่เหมือน กระท่อมและยื่นออกไปให้ความรู้สึกว่า บ้านกำลังลอยตัวอยู่ มีรายละเอียดของช่องหน้าต่างที่ ออกแบบให้ล้อไปกับรูปร่างของบ้าน เป็นกรอบอลูมิเนียมอบดำชนมุม 90 องศา มองเห็นวิวได้ต่อเนื่องสองด้าน ชวนให้มานั่งเล่นชมวิว ในช่วงพักให้หายเหนื่อย

ห้องนอนใหญ่ ตกแต่งโทนสีกาแฟ หัวเตียงเหมือนเอสเปรสโซ่เข้มๆ ปูที่นอนด้วยผ้าสีครีมเหมือนนม เหมือนได้กลิ่นกาแฟจ่างๆ ในทุกที่ของบ้าน

การปรับปรุงอาคารใด ๆ ก็ตาม ไม่ว่าจะต้องรื้อถอนองค์ประกอบ บางส่วนหรือต่อเติมเข้าไป ต้องผ่านการตรวจสอบโครงสร้างจากสถาปนิก และวิศวกร เนื่องจากบางจุดที่ต้องการรื้อ อาจจะเป็นจุดที่รับน้ำหนักที่ทุบทิ้งแล้วจะส่งผลเสียหาย ต่อโครงสร้างได้ ส่วนกรณีที่ต่อเติมเพิ่มเข้ามา หากน้ำหนักมากเกินไป อาคารเดิมไม่ได้เตรียมมาเผื่อน้ำหนัก ที่เพิ่มมากก็จะทำให้พื้น ทรุดได้เช่นกัน

ส่วนห้องครัว
จัดตกแต่งสวยงาม

เปิดร้านกาแฟยังไงให้ปัง ปัง

1.ทำเลดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
สิ่งแรกก่อนที่จะตัดสินใจเปิดร้านกาแฟสักร้านได้ก็คือ “ทำเล” ซึ่งทำเลการเปิดร้านกาแฟที่ดีควรจะมีผู้คนพลุกพล่านเดินผ่านหน้าร้านอยู่ตลอดอย่างในห้างสรรพสินค้า ตลาด ถนนคนเดิน รอบมหาวิทยาลัย โรงพยาบาล ฯลฯ เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับคนที่อาจเดินเมื่อยแล้ว อยากพักขาพักผ่อนจะได้เข้าร้าน ทั้งนี้ควรตรวจสอบร้านคู่แข่งรอบข้างด้วย หากมีคู่แข่งควรสร้างจุดเด่นให้ร้านเพื่อที่ลูกค้าจะได้สนใจร้านเรามากกว่าร้านคู่แข่ง  phuket property

2.รสชาติของกาแฟต้องเริ่ดไว้ก่อนเสมอ
การที่ดึงคนให้เข้าร้านได้รสชาติของกาแฟในทุก ๆ แก้วจัดว่าสำคัญอย่างมาก ควรมีการเข้าเรียนฝึกชงกาแฟ เมื่อเรียนเสร็จก็ต้องขยันฝึกชงบ่อย ๆ รวมถึงเลือกวัตถุดิบก็ต้องดีและมีคุณภาพด้วย เพื่อให้กาแฟออกมาอร่อยคงอยู่ในใจลูกค้าจนต้องกลับมาเยือนร้านอีกครั้ง เปิดร้านแกแฟแต่ถ้ากาแฟไม่อร่อยมันก็ยังไงอยู่นะ

3.เครื่องดื่มและเมนูของหวานอื่นต้องมีด้วยนะ
จริงอยู่ที่เป็นร้านกาแฟแต่จะให้มีแต่กาแฟเมนูเดียวก็อาจทำให้ลูกค้าเบื่อหน่ายเป็นได้ ดังนั้นเพื่อให้ร้านมีความน่าสนใจ ไม่น่าเบื่อจึงควรมีเครื่องดื่มและเมนูของหวานอื่นร่วมด้วยอย่างเครื่องดื่มก็เช่น โกโก ชาเย็น นมเย็น ฯลฯ เมนูของหวานก็เช่น เค้ก ขนมปัง คุ๊กกี้ ฯลฯ ที่สำคัญควรทำขนมวันต่อวัน เพื่อความปลอดภัยในการกิน และดึงดูดให้ลูกค้าอยากลองกินอะไรใหม่ ๆ บ้านเดี่ยว 

4.สร้างมาตรฐานให้พนักงาน
พนักงานในร้านคือตัวแปรสำคัญไม่น้อยซึ่งเราในฐานะเจ้าของร้านควรสร้างมาตรฐานเพื่อให้การบริการออกมามีประสิทธิภาพอาจจะฝึกพนักงานให้เข้าใจเรื่องกาแฟ รู้จักรสชาติ การรู้จักสายพันธุ์กาแฟ คัดเลือกเมล็ด ฯลฯ รวมทั้งสร้างแรงจูงใจให้พนักงานในการทำงานอย่างยอดขายตามเป้าจะได้รางวัล เป็นต้น เสริมสร้างการบริการให้ออกมาดูดี

5.การบริการลูกค้าให้ดีก็สำคัญ
นอกจากสร้างมาตรฐานให้พนักงานแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้ร้านกาแฟปังได้คือการบริการลูกค้า ทั้งการใส่ใจรับรายการอาหาร เก็บโต๊ะสะอาดรวดเร็ว ยิ้มแย้ม กล่าวทักทายทุกครั้งที่มีลูกค้าเข้าร้าน หรือเวลาที่ลูกค้าสอบถามอะไรก็ตอบอย่างสุภาพที่สุด ฯลฯ อย่าแบ่งแยกลูกค้าโดยเฉพาะภาพลักษณ์ภายนอก สิ่งนี้ย่อมสร้างความไม่พอใจให้กับลูกค้าจนไม่กลับมาร้านอีกเลยก็ได้ หรือบางคนอาจนำไปโพสต์แสดงความคิดเห็นลงโซเชี่ยลให้ร้านดูเสียภาพพจน์ กลายเป็นความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้

6.กระตุ้นยอดขายด้วยวิธีต่าง ๆ
การกระตุ้นยอดขายเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ร้านกาแฟปังเช่นกัน คล้ายสร้างความรู้สึกดี ๆ พร้อมเชิญชวนลูกค้าเข้าร้านทั้งลูกค้าใหม่ ลูกค้าเก่า โดยอาจคิดโปรโมชั่น ซื้อ 1 แก้ว แถม 1 หรือให้บัตรสะสมแก้วพอครบก็มาแลกฟรี เป็นต้น รับรองเลยว่าลูกค้า จะแวะเวียนมาร้านอยู่ตลอด

มุมร้านกาแฟสวยๆ

7.สร้างบรรยากาศที่ดี ไม่ใช่แค่ร้านกาแฟทั่วไป
ยุคนี้การไปร้านกาแฟไม่ใช่แค่ดื่มเสร็จแล้วกลับแต่ลูกค้าหลายคนมีความคาดหวังในด้านอื่น ๆ ด้วย เช่น ต้องการไปหามุมสงบ ๆ เพื่อนั่งทำงาน, อยากได้การพักผ่อนสุดชิลล์ ดื่มกาแฟแล้วถ่ายรูปเก๋ ๆ โพสต์ลงโซเชี่ยล เป็นต้น สรุปง่าย ๆ คือ ร้านกาแฟ อาจกลายเป็นอีกไลฟ์สไตล์ชีวิตหากคุณทำให้โดนใจลูกค้าได้เมื่อไหร่ โอกาสจะมีลูกค้าประจำก็สูงมาก PHUKET VILLA

8.สิ่งอำนวยความสะดวกภายในร้าน
สิ่งอำนวยความสะดวกที่ว่ามีตั้งแต่ห้องน้ำแสนสะอาดให้เข้า, กระดาษทิชชูวางบนโต๊ะ, Wi-Fi ให้ใช้งานได้อย่างเหมาะสม, มีปลั๊กให้เสียบ ฯลฯ ซึ่งสิ่งอำนวยความสะดวกจะเสมือนเป็นการเอาใจลูกค้าให้อยากนั่งในร้านกาแฟนาน ๆ หลายคนพอนั่งนานจะด้วยความเกรงใจหรือเริ่มหิวกระหายจริง ๆ ก็อยากจะสั่งกาแฟ อาหาร หรือขนมอื่น ๆ มาไว้บนโต๊ะด้วย

9.จัดการกับระบบร้านอย่างมืออาชีพ
การประกอบทุกธุรกิจอย่ามองแค่เรื่องของยอดขายหรือปริมาณลูกค้าอย่างเดียว การจัดการด้านบัญชีก็สำคัญ นี่คือตัววัดผลประกอบการว่าสิ่งที่ทำมาถูกทางธุระกิจอยู่รอดหรือไม่ หากกำไรไม่มีเลยแสดงว่าวิธีดังกล่าวอาจยังไม่ได้ผลมากพอ ต้องพยายามปรับรูปแบบให้เหมาะสม รวมถึงการเช็คว่าเงินที่เข้า-ออกถูกต้อง ไม่มีการรั่วไหลไปในจุดอื่นๆ

ระบบสต๊อกวัตถุดิบที่ซื้อเข้าร้านต่างก็เป็นต้นทุน ไหนจะต้องมีระบบจัดการบริหารเวลาทำงานเข้าออกของพนักงานประจำ พนักงานพาร์ทไทม์ จัดการกะ ขาดลามาสาย หากใช้ ทุกวันนี้ app ที่เข้ามาช่วยจัดการร้านกาแฟเพื่อช่วย คำนวณเงินเดือน ลดเวลาบริหารจัดการพนักงานในร้านได้ดีมาก onedee.ai ก็ตอบโจทย์ แถมยังให้ทดลองใช้ฟรี

10.ก้าวเข้าสู่โลกออนไลน์เพิ่มโอกาสเติบโต
ครั้นจะมานั่งรอลูกค้าเข้าร้านอย่างเดียวก็คงไม่ได้ประกอบกับโลกออนไลน์สมัยนี้คือช่องทางชั้นดีที่จะทำให้ร้านกาแฟของคุณประสบความสำเร็จ การเดินเข้าสู่ช่องทางออนไลน์ เช่น ลงโฆษณาขายไว้ตามเว็บไซต์ หรือเปิดเพจร้าน เพื่อให้คนที่กำลังหาร้านกาแฟนั่งได้เห็นร้านสวย ๆ มุมดี ๆ หรือมีบริการส่งตามหอพัก บริษัท ธนาคาร ฯลฯ ที่อยู่โดยรอบร้านจะช่วยเพิ่มยอดขายได้โดยไม่ต้องลงทุนหนัก ๆ เหมือนในอดีต